นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัท พลัส สเต็จ คัมปะนี ลิมิเต็ด (ต่อไปนี้จะเรียกว่า ‘บริษัท’) เป็นผู้ให้บริการเว็บไซต์ “Ha-tana!” รวมไปถึงแพลตฟอร์มออนไลน์ และช่องทางโซเชียลมีเดียอื่นๆ ในเครือ บริษัทขอเรียนว่า บริษัทเคารพความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน และตระหนักดีว่าข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานแต่ละท่านมีความสำคัญอย่างยิ่ง บริษัทจึงต้องการที่จะชี้แจงให้ทราบเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ดังนั้น บริษัทจึงได้มีนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้ เพื่อชี้แจงรายละเอียดและ วิธีการจัดเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผย การคุ้มครองข้อมูล การเข้าถึงข้อมูล การโอนย้าย และการวิเคราะห์ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ดังต่อไปนี้ ข้อมูลส่วนบุคคลในทีนี้หมายถึงข้อมูลต่างๆ ในการทำการลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ Ha-tana!, การลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ของบริษัท คุกกี้ ข้อมูลการทำรายการ และประสบการณ์การใช้งาน นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) นี้อยู่ภายใต้พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 โดยบริษัทมีอำนาจหน้าที่ตัดสินใจเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งตามกฎหมายเรียกว่า ‘ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล’ โดยมีพนักงานหรือบริษัทที่บริษัทมอบหมายโดยเฉพาะให้มีหน้าที่ดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามคำสั่งหรือในนามของบริษัท ซึ่งตามกฎหมายเรียกว่า ‘ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล’ ส่วนท่านถือเป็น ‘เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล’ ตามกฎหมายนี้
นโยบายหลัก
- .บริษัทจะกำหนดวัตถุประสงค์ในเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยชัดแจ้ง และจะใช้หรือเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว ภายใต้หลักเกณฑ์ที่กฎหมายอนุญาตให้เปิดเผยได้ตามขอบเขตที่ท่านได้ให้ความยินยอม หรือขอบเขตที่เกี่ยวข้องในนโยบายฉบับนี้
- บริษัทจะปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอย่างเคร่งครัด
- ในการดูแลข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจะจัดให้มีเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลเพื่อให้มีการดูแลอย่างเหมาะสม และจัดให้มีมาตรการป้องกันข้อมูลไม่ให้มีการรั่วไหลไปสู่ภายนอกและป้องกันเหตุละเมิดล่วงหน้าเป็นไปตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนดไว้เช่น จัดให้มีมาตรการความปลอดภัยที่เหมาะสมและสมเหตุสมผลต่อการป้องการอันตราย เช่น การเข้าสู่ระบบโดยไม่ได้รับอนุญาต การสูญหาย ทำลาย แก้ไขและการรั่วไหลของข้อมูล พร้อมด้วยการจัดการอย่างรวดเร็วกับความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น
- การใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล จะอยู่ในขอบเขตวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเท่านั้น โดยมีการคำนึงถึงการรักษาสิทธิของลูกค้า โดยบริษัทจะไม่เปิดเผยและให้ข้อมูลส่วนบุคคลแก่บุคคลภายนอก โดยไม่ได้รับความยินยอมจากท่าน เว้นแต่มีกฎหมายให้อำนาจไว้ หรือตามคำสั่งศาล องค์กรหน่วยงานรัฐหรือวิสาหกิจ และ/หรือ ตามคำสั่งของเจ้าพนักงานหน่วยงานรัฐ
- บริษัทจะรับเรื่องร้องเรียนและรับปรึกษาเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลผ่านช่องทางและแบบฟอร์มที่บริษัทได้จัดทำไว้ บริษัทจะรีบดำเนินการแก้ไขและหามาตรการป้องกันอย่างเหมาะสมโดยไม่ชักช้า
- บริษัทจะปรับปรุงระบบบริหารจัดการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องตามที่กฎหมายกำหนดไว้
ด้วยบริษัทได้กำหนดนโยบายความเป็นส่วนตัวไว้ บริษัทจึงดำเนินการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ใช้บริการของบริษัทด้วยความระมัดระวังและอย่างเคร่งครัดตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
1.การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลของท่านโดยขอความยินยอมจากท่านก่อน เว้นแต่กรณีที่กฎหมายให้อำนาจไว้ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 มาตรา 24 หรือ มาตรา 26 โดยบริษัทจะประกาศหรือแจ้งวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมเพื่อการนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้หรือเปิดเผยให้ท่านทราบก่อนหรือขณะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล กรณทีที่บริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลของท่านจากแหล่งอื่นๆ บริษัทจะดำเนินการแจ้งท่านให้ทราบถึงการเก็บรวบรวมข้อมูลดังกล่าวภายใน 30 วันนับแต่วันที่เก็บรวมรวบข้อมูล และทำการขอความยินยอมจากท่าน เว้นแต่ได้รับยกเว้นไว้ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562
- 1.1 ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวม
- - ชื่อ – นามสกุล
- - ที่อยู่
- - หมายเลขโทรศัพท์
- - ข้อมูลบัตรประจำตัวประชาชน
- - ข้อมูลใบอนุญาตให้เป็นทนายความ
- - รูปถ่ายใบหน้
- - ช่องทางการติดต่อ เช่น Line, Facebook, email
- - ประวัติการศึกษา
- - เชื้อชาติ
- - ทัศนคติ/มุมมอง/ความเชื่อส่วนบุคคลหรือทางปรัชญา/ศาสนา/ลัทธิ
- - ข้อมูลอื่นๆ ที่สามารถระบุตัวตนของท่านได้ ไม่ว่าโดยตรงหรือทางอ้อม
- 1.2. ที่มาของการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัททำการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลจาก 2 ช่องทาง ดังนี้
- - เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลโดยตรง และ/หรือ
- - แหล่งอื่นๆ เช่น Facebook, บุคคลที่สาม
- 1.3. วัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทได้กำหนดวัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ตามข้อ 1. ดังต่อไปนี้
- - เพื่อให้บริการ “ha-tana!” หรือบริการเว็บไซต์อื่นที่มีความเกี่ยวข้องกับ Ha-tana! ที่บริษัท ให้บริการ
- - เพื่อให้รายละเอียดบริการหรือโฆษณาของบริษัทให้เป็นไปตามความต้องการของผู้ใช้บริการเว็บไซต์
- - เพื่อพิจารณาบริการใหม่หรือคัดเลือกกลุ่มเป้าหมายเพื่อสำรวจความคิดเห็นและดำเนินงานที่จำเป็นในการได้รับความคิดเห็น
- - เพื่อได้รับหรือใช้ข้อมูลที่จำเป็นในการวิเคราะห์หรือแสดงผลลัพธ์การโฆษณาแก่ผู้ลงโฆษณาหรือผู้ให้ข้อมูลข่าวสาร
- - เพื่อใช้เป็นข้อมูลสถิติทางธุรกิจหรือทางการค้า รวมทั้งสำรวจวิจัยในทางการตลาด
- - เพื่อตรวจสอบการใช้งานของผู้ใช้บริการ หรือเพื่อให้ข้อมูลการลงทะเบียนเพื่อตรวจสอบข้อมูลที่ได้ลงทะเบียนไว้
- - เพื่อใช้ติดต่อสื่อสารที่เกี่ยวข้องกับการบริการ การตรวจสอบตัวตนของผู้ใช้บริการ หรือเรียกเก็บเงินในกรณีจำเป็น การตักเตือนผู้ฝ่าฝืนกฎระเบียบ หรือติดต่อสื่อสารที่จำเป็นในการดำเนินงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
- - เพื่อสำรวจพฤติกรรมการใช้บริการ “ha-tana!” และบริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องของบริษัท หรือใช้เพื่อใช้ในการวิจัยการตลาดและกิจการอื่น
- - เพื่อรับสมัครบุคลากรในการดำเนินการต่างๆ เกี่ยวกับงานบุคคลและธุรการ (ด้านภาษี ประกันสังคมและอื่นๆ) และให้การศึกษา หรือใช้เป็นที่ติดต่อฉุกเฉิน
- - การเพื่อใช้ในการติดต่อขอยกเลิกบริการ หรือเพื่อตอบข้อซักถาม/ให้คำปรึกษาแนะนำ ในกรณีที่มีการสอบถามเข้ามาผ่านช่องทางติดต่อของ Ha-tana! และรวมไปถึงการดูแลหลังยกเลิกการใช้บริการ
- - เพื่อเป็นการปฏิบัติตามสัญญาทางธุรกิจ หรือสัญญาอื่นใด
- - เพื่อปฏิบัติตามกฎระเบียบและกฎหมายไทย ได้แก่ กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ กฎหมายจราจรทางบก กฎหมายคุ้มครองแรงงาน กฎหมายความปลอดภัยอาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน เป็นต้น
- - เพื่อก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
- - เพื่อประกอบการพิจารณาเข้าทำสัญญาการใช้บริการเว็บไซต์ของบริษัท
- 1.4. ระยะเวลาเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลไว้ที่ฐานข้อมูลที่มีการเข้ารหัสซึ่งได้จัดเก็บไว้ในเซอร์เวอร์เช่าของบริษัท โดยระยะเวลาการจัดเก็บรักษา 10 ปี หรือระยะเวลาตามที่กฎหมายกำหนดไว้ นับแต่วันที่ท่านยกเลิกการใช้บริการ Ha-tana! และเมื่อพ้นระยะเวลาการจัดเก็บไปแล้ว บริษัทจะดำเนินการทําลายข้อมูลส่วนบุคคลนั้นให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน นับแต่วันสิ้นสุดระยะเวลาการจัดเก็บ โดยวิธีดังต่อไปนี้
- - การทำลายข้อมูลด้วยการลบไฟล์ออกจากฐานข้อมูล
2. การใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทจะไม่ ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลของท่านก่อนที่จะได้รับความยินยอมจากท่าน เว้นแต่เป็นข้อมูลของท่านที่เก็บรวบรวมได้โดยไม่ต้องขอความยินยอม ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 มาตรา 24 หรือมาตรา 26 บริษัทจะดูแลให้พนักงานที่ได้รับมอบหมายในเรื่องนี้โดยเฉพาะ มิให้ ใช้ หรือเปิดเผย แสดง หรือทำให้ปรากฏในลักษณะอื่นใดซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน นอกเหนือไปจากวัตถุประสงค์ ภายใต้หลักเกณฑ์ที่กฎหมายอนุญาตให้เปิดเผยได้ตามขอบเขตที่ท่านได้ให้ความยินยอม หรือขอบเขตที่เกี่ยวข้องในนโยบายฉบับนี้ ในกรณีที่บริษัทจะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บุคคลหรือนิติบุคคลภายนอก บุคคลหรือนิติบุคคลภายนอกนั้นจะต้องแจ้งวัตถุประสงค์ในการ ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้บริษัททราบก่อน และต้องไม่ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล นอกเหนือจากวัตถุประสงค์ที่ได้ให้ไว้แก่บริษัท บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านแก่บริษัทผู้ร่วมวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อการวิเคราะห์และพัฒนาปรับปรุงผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการ การทำวิจัยหรือจัดทำข้อมูลทางสถิติ การบริหารกิจการ และการส่งเสริมการตลาด เช่น การประชาสัมพันธ์กิจกรรม ผลิตภัณฑ์ และ/หรือบริการ ให้แก่ท่าน ในกรณีที่บริษัท ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องขอความยินยอม บริษัทจะบันทึกการใช้หรือเปิดเผยข้อมูลนั้นเป็นหนังสือหรือระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือตามที่บริษัทได้กำหนดไว้ ในกรณีที่บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ ประเทศปลายทางหรือองค์กรระหว่างประเทศที่รับข้อมูลส่วนบุคคลต้องมีมาตราฐานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอ ทั้งนี้ ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด เว้นแต่เป็นกรณีตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 มาตรา 28 (1) – (6)
3.การดูแลรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทจะจัดให้มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการสูญหาย เข้าถึง ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือเปิดเผบข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจหรือโดยมิชอบ และจะดำเนินการจัดเก็บรักษาและดูแลข้อมูลส่วนบุคคลโดยใช้มาตรการที่จำเป็นและเหมาะสมตามระเบียบของบริษัทและมาตรฐานขั้นต่ำตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด ไม่ว่าจะด้านองค์กร ด้ายกายภาพ หรือด้านเทคโนโลยี และรวมทั้งจะจัดให้มีการทบทวนมาตราการดังกล่าว เมื่อมีความจำเป็นหรือเมื่อเทคโนโลยี เปลี่ยนแปลงไปเพื่อให้มีประสิทธิภาพในการดูแลรักษาความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสม
4.สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิของท่านในข้อนี้เป็นสิทธิตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องที่ท่านควรทราบ โดยท่านสามารถขอใช้สิทธิต่างๆ ได้ภายใต้ข้อกำหนดของกฎหมาย และนโยบายที่บริษัทกำหนดไว้ก่อนหรือในขณะหรือที่จะมีการแก้ไขเพิ่มเติมในอนาคต ตลอดจนหลักเกณฑ์ตามที่บริษัทกำหนดขึ้น
- 4.1 สิทธิในการขอถอนความยินยอม: ท่านมีสิทธิที่จะถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่กับบริษัท เว้นแต่มีข้อจำกัดสิทธินั้นโดยกฎหมายหรือมีสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่านอยู่ (ไม่ว่าจะเป็นความยินยอมที่ท่านให้ไว้ก่อนวันที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลใช้บังคับหรือหลังจากนั้น)
- 4.2 สิทธิในการขอเข้าถึง ขอรับข้อมูลหรือสำเนาข้อมูล: ท่านมีสิทธิขอเข้าถึง หรือรับ ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเองที่อยู่ในความรับผิดชอบของบริษัท และขอให้บริษัททำสำเนาข้อมูลดังกล่าวให้แก่ท่าน รวมถึงขอให้เปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอมว่าบริษัทได้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมาได้อย่างไร
- 4.3 สิทธิในการคัดค้าน: ท่านมีสิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเมื่อใดก็ได้ ในกรณีที่กฎหมายให้อำนาจบริษัทในการเก็บรวบรวมข้อมูลของท่านได้โดยไม่ต้องขอความยินยอมจากท่านก่อน
- 4.4 สิทธิขอให้แก้ไขข้อมูล: ท่านมีสิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
- 4.5 สิทธิขอให้ลบหรือทำลายข้อมูล: ท่านมีสิทธิขอลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของได้ ดังต่อไปนี้
- 1.ข้อมูลของท่านไม่มีความจำเป็นที่จะเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลของท่าน
- 2.เมื่อท่านได้ใช้สิทธิขอถอนความยินยอมและบริษัทไม่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้
- 3.เมื่อท่านใช้สิทธิคัดค้านตาม ข้อ 5.3 และบริษัทไม่อาจปฏิเสธคำขอได้ตามกฎหมาย
- 4.เมื่อข้อมูลของท่านได้ถูกเก็บ ใช้ หรือเปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
- 4.6 สิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูล: ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทระงับการใช้ข้อมูลของท่าน ในกรณีดังต่อไปนี้
- 1.เมื่อบริษัทอยู่ในระหว่างการตรวจสอบตามที่ท่านร้องขอ
- 2.เมื่อเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ต้องลบหรือทำลาย แต่ท่านขอให้ระงับการใช้แทน
- 3.เมื่อข้อมูลของท่านหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลของท่าน แต่ท่านมีความจำเป็นต้องขอให้เก็บรักษาไว้เพื่อใช้ในการตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมายการปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
- 4.เมื่อบริษัทอยู่ระหว่างพิสูจน์คำขอคัดค้านของท่านตามข้อ 5.3 เพื่อดูว่าบริษัทมีอำนาจตามกฎหมายให้ปฏิเสธคำคัดค้านของท่านได้หรือไม่
- 4.7 ท่านมีสิทธิร้องขอให้บริษัทดำเนินการให้ข้อมูลของท่านนั้นถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด หากบริษัทไม่ดำเนินการตามคำร้องขอ บริษัทจะบันทึกคำร้องขอของท่านพร้อมด้วยเหตุผลไว้เป็นหนังสือหรือระบบอิเล็กทรอนิกส์
- 4.8 สิทธิร้องเรียน: ท่านมีสิทธิร้องเรียนต่อผู้มีอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากท่านเชื่อว่าการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นการกระทำในลักษณะที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
- 4.9 การใช้สิทธิของท่านดังกล่าวข้างต้นอาจถูกจำกัดภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง และมีบางกรณีที่มีเหตุจำเป็นที่บริษัทอาจปฏิเสธหรือไม่สามารถดำเนินการตามคำขอใช้สิทธิข้างต้นของท่านได้ เช่น ต้องปฏิบัติตามกฎหมายหรือคำสั่งศาล การใช้สิทธิละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลอื่น เป็นต้น
5.การวิเคราะห์ข้อมูล
เพื่อเป็นประโยชน์ในการวิเคราะห์ผู้เข้าชมเว็บไซต์ของบริษัท บริษัทจะใช้เว็บบีคอน (Web beacon) พิกเซล (Pixcel) แท็ก (Tag) Device Identifier คุกกี้ (Cookie) และเนื้อหาที่ป้อนเข้ามาในแบบฟอร์มสอบถาม ในวัตถุประสงค์เพื่อทำการตลาด เช่น วิเคราะห์การเข้าชมและใช้เว็บไซต์ ทั้งนี้ บริษัทอาจจะนำข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับผู้เข้าชมเว็บไซต์ที่ได้รวบรวมไว้เพื่อใช้ตามวัตถุประสงค์ดังกล่าวเพื่อพัฒนาและปรับปรุงการให้บริการของบริษัท
6.การเปลี่ยนแปลงนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทอาจปรับปรุงเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองส่วนบุคคลนี้เป็นครั้งคราว เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของการให้บริการและ/หรือผลิตภัณฑ์ของบริษัท การดำเนินงานของบริษัท และข้อเสนอแนะหรือความคิดเห็นจากท่าน หรือตามกฎหมาย โดยบริษัทจะประกาศแจ้งการเปลี่ยนแปลงให้ทราบอย่างชัดเจนก่อนจะเริ่มดำเนินการเปลี่ยนแปลง หรืออาจส่งประกาศให้ท่านทราบโดยตรง
7.การเชื่อมโยงข้อมูลส่วนบุคคลกับบุคคลอื่นหรือหน่วยงานอื่น
- 7.1 บริษัทอาจเชื่อมโยงข้อมูลส่วนบุคคลกับบุคคลหรือหน่วยงานอื่น โดยบริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบก่อนที่จะทำการเชื่อมโยงข้อมูลส่วนบุคคล พร้อมทั้งขอความยินยอม โดยมีรายละเอียดต่อไปนี้เป็นอย่างน้อย
- - บุคคลหรือหน่วยงานที่จะทำการเชื่อมโยงข้อมูลส่วนบุคคล
- - วัตถุประสงค์ในการเชื่อมโยงข้อมูลส่วนบุคคล
- - วิธีการในการเชื่อมโยงข้อมูลส่วนบุคคล
- - ข้อมูลส่วนบุคคลที่จะทำการเชื่อมโยง
- 7.2 หากมีการเปลี่ยนแปลงการเชื่อมโยงข้อมูล บริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบถึงการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว และขอความยินยอมก่อนการดำเนินการ
การสอบถามเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
ในกรณีที่สอบถามข้อมูลส่วนบุคคล โปรดติดต่อตามช่องทาง ดังนี้ ทั้งนี้ บริษัท อาจมีขอหรือเรียกเอกสารเพื่อยืนยันตัวตนท่านตามความจำเป็น
ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล : บริษัท พลัส สเตจ คัมปะนี ลิมิเต็ด (Plus Stage Co.,Ltd.) ที่อยู่ : 2-30-2 S Building 2th Floor Chuo Nakano-ku Tokyo Japan 〒 164-0011 โทรศัพท์ : (+81)-3-6304-2720 (วันเวลาทำการจันทร์-ศุกร์ 09.30- 18.30 น. ตามเวลาท้องถิ่นประเทศญี่ปุ่น) อีเมล : contact@plus-stage.com
ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล:
บริษัท เอแอลจี แท็คซ์ แอนด์ ลอว์ ออฟฟิศ (ไทยแลนด์) จำกัด ที่อยู่ : 246 อาคารไทมส์ สแควร์ ชั้น 11 ห้อง 11-04เอ ถนนสุขุมวิท แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110 โทรศัพท์: 02-254-5799 (วันเวลาทำการจันทร์-ศุกร์ 08.30 – 17.30 น. ตามเวลาท้องถิ่นประเทศไทย)
เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล :
นายจุนอิจิ อิเคดะ (Mr. Junichi Ikeda) บริษัท เอแอลจี แท็คซ์ แอนด์ ลอว์ ออฟฟิศ (ไทยแลนด์) จำกัด ที่อยู่ : 246 อาคารไทมส์ สแควร์ ชั้น 11 ห้อง 11-04เอ ถนนสุขุมวิท แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110 โทรศัพท์: 02-254-5799 (วันเวลาทำการจันทร์-ศุกร์ 08.30 – 17.30 น. ตามเวลาท้องถิ่นประเทศไทย)
ประกาศเมื่อวันที่ ●กุมภาพันธ์ 2566
นายอากิระ ฮิราโน กรรมการผู้จัดการ บริษัท พลัส สเตจ คัมปะนี ลิมิเต็ด (Plus Stage Co.,Ltd.)